เรื่องของหนึ่ง

Re: เรื่องของหนึ่ง

โพสต์โดย kroopob » อังคาร 24 ก.ค. 2012 7:14 am

ฟลอร์ไทม์ ไม่ใช่การตามใจ
และ
ฟลอร์ไทม์ก็ ไม่ใช่การปล่อยเลยตามเลย

ฟลอร์ไทม์เล่นตามเด็ก
ใช้สิ่งที่เด็กสนใจ ใช้สถานการณ์ที่เกิดตรงหน้า ณ เวลานั้น
พัฒนากระบวนการคิด และการสื่อสาร
ควบคู่ไปกับการทำงานอารมณ์

เพื่อการพัฒนาเด็ก ให้ประเมิน ตัดสินใจ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
บนความต้องการของตนเอง โดยตนเอง
เพื่อผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ในชีวิต
คำง่ายๆ คือ เพื่อพัฒนาการคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

นอกจากการได้รับโอกาสฝึกคิด บนกระบวนการที่ถูกต้องอย่างเพียงพอแล้ว
องค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ในการตัดสินใจที่เหมาะสม คือการมีข้อมูลที่เพียงพอ
ว่าอะไรได้ และ อะไรไม่ได้

การบอกกล่าวให้รู้ว่าอะไรได้ และ อะไรไม่ได้
ก็ต้องอาศัยท่าทีที่ชัดเจน

แม้กระบวนการฟลอร์ไทม์ ช่วยเพิ่มความสามารถของเด็กในการอ่านท่าทีต่างๆ
แต่ท่าทีที่ชัดเจนก็ช่วยให้การอ่าน การเอะใจ และการคิดใหม่ เกิดได้ง่ายขึ้น

ฟลอร์ไทมไม่ใช่การบอกคำตอบ เฉลยผลลัพธ์ การสั่งให้ทำในทันที
ฟลอร์ไทม์สร้างกระบวนการให้คิดแก้ปัญหา โดยเริ่มต้นที่ความต้องการของเด็ก
และช่วยนำพาให้เกิดกระบวนการคิด บนความต้องการนั้น
และที่สำคัญ นำพาให้เด็กคิดทางออกที่เป็นไปได้ ให้หลากหลาย
ด้วยการให้โอกาส และเวลา
ด้วยการใช้ท่าทีที่เป็นเพื่อน เห็นใจ และเข้าใจ
ด้วยการช่วยตั้งคำถาม และแสดงผลตามความเป็นจริงของทางเลือก ที่เขาทดลองเลือกนั้น


ฟลอร์ไทม์
ไม่ใช่การตามใจ
ไม่ใช่การปล่อยเลยตามเลย
kroopob
 
โพสต์: 61
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 1:42 pm

Re: เรื่องของหนึ่ง

โพสต์โดย แม่หนึ่ง » อังคาร 24 ก.ค. 2012 7:50 am

ขอบคุณมากค่ะคุณหมอคุณครู ที่ทำให้ได้ฉุกคิดว่ายังไม่ได้ft กับลูกเลยเพียงแต่เรียบเรียงเรื่องราวเท่านั้นเอง

และยังไม่ได้ให้สิ่งที่ต้องให้แก่เค๊า ได้เห็นหลักการที่ชัดเจน น่าจะเป็นสติ และความรู้ตัวขณะนั้นที่ขาดหายไป

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
แม่หนึ่ง
 
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 30 พ.ย. 2011 9:52 am

Re: เรื่องของหนึ่ง

โพสต์โดย แม่หนึ่ง » จันทร์ 08 ก.ค. 2013 10:08 am

สวัสดีค่ะ คุณหมอ และทีมงาน

หายไปนานตามเคย มีเรื่องของหนึ่งมาอัพเดทค่ะ หลังจากเค้าจบ ม 3 แม่ก็เตรียมที่จะให้เค้าเรียน กศน ตามที่เคยพูดคุยกันไว้ คือเรียนวันอาทิตย์เข้ากลุ่มวันเดียว แล้วรอสอบ
ในระหว่างนี้ เพื่อนสนิทที่เป็นเด็กไม่ธรรมดาเหมือนกันมีความคิดว่าจะไปต่อสายวิชาชีพ น้องคนนี้สมมุติว่าชื่อ พล นะคะ แม่ไม่แน่ใจค่ะว่าเค้าเป็นอะไร น่าจะช้าเรื่องเรียน เพราะสังเกตุการพูดจาทางสังคมดูดีค่ะ แต่เธอไม่ค่อยใส่ใจการเรียน
ขอเล่าย้อนนิดนึงนะคะ ช่วงชั้น ม 3 เค้าจะสนิทกันสามคน มีอีกคนคือ วิทย์(เป็นออค่ะ)
หนึ่งกับพลอยุ่ห้องเดียวกัน วิทย์อยุ่ห้องอื่น แต่กลางวันจะมารวมตัวกันทานข้าว พูดคุยกันตามประสาเด็กโครงการเรียนร่วม วันหยุดมีการนัดกันทานข้าวดูหนังบ้าง โดยมีแม่ไปประกบด้วย แม่คนอื่นเค้าจะมาส่งค่ะ แม่ของหนึ่งจะประกบแบบพี่เลี้ยง ดูหนังปล่อยเค้าเข้าดูกันเอง ทานข้าวแม่จะไปนั่งโต๊ะข้างๆบ้าง โต๊ะเดียวกันบ้างแล้วแต่สถานการณ์ ซื้อตั๋วหนังก็ไปยืนลับๆล่อๆอยุ่ข้างหลังกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนี้ เพื่อคอยดูสถานการณ์และเพื่อทำฟลอไทม์บางครั้งและเผื่อเจองานที่เราต้องทำต่อเพิ่มเติม
ส่วนใหญ่ พลจะเป็นคนนำ หนึ่งและวิทย์ตามลำดับ พลจะมีเรื่องสังคมที่ดีขึ้นรถเมล์ไปกลับเอง หนึ่งและวิทย์แม่จะรับส่ง การที่แม่คอยประกบก็เพื่อสังเกตุการณ์ ทำฟลอไทม์และ เพื่อพัฒนาให้เค้าไปกันเองได้โดยแม่ไม่ต้องมาคอยดูในอนาคตต่อไป นั่นคือความหวังตอนนั้น
มีบางกิจกรรมที่แม่ของพลมาด้วยบ้าง ตอนไปพิพิธภัณฑ์เงียบ dialogue in the dark ที่จามจุรีสแควร์ก็เป็นประสพการณ์ที่ดีและได้เห็นความตื่นเต้น การควบคุมตัวเองหลายๆอย่างของลูก
กลับมาตอนจะไปเรียนสายอาชีพ เป็น รร ที่เรียนสามเดือนฝึกงานสามเดือน สลับกันไป ถ้าเรียนจบจะได้วุฒิ ปวช แม่ไม่ได้คาดหวังค่ะว่าลูกจะต้องจบอะไร เพราะจุดที่เราคิดเริ่มแรกคืออยู่บ้านฝึกเรื่องชีวิตกันไป มีการเรียน กศน มาแทรกอยู่ในชีวิตนิดหน่อย (เพราะแม่รู้จักคุณครูๆบอกไม่ต้องไปทุกวันอาทิตย์ เราสามารถเอางานมาทำบ้านได้ ) แม่สนับสนุนให้เค้าไปลองเรียนกับพลค่ะ
แรกๆเค้าจะไม่ไป เพราะเค้ากลัว กลัวยาก กลัวไม่ไหว (ทั้งๆที่วิชาการเค้าก็พอได้ค่ะ แม่ว่ามันเป็นเรื่อง self esteem ที่ขาดไปอย่างมาก) แม่ก็ให้กำลังใจหลายอย่าง ชวนพูดคุย ชวนคิด จนเค้าโอเคจะลอง คงได้พลมีส่วนกระตุ้นด้วย วิทย์ที่แม่เค้าคิดว่าจะไม่ให้ลูกไป ก็ยังทนแรงอยากของลูกไมไ่ด้ต้องพาไปลองสมัครสอบด้วย ที่ว่าแรงอยากของลูกคือ แม้เค้าจะดูว่าน่าจะสอบไมไ่ด้ตามความคิดของแม่เค้า แต่เค้าก็มีอแรงขับตามธรรมชาติ คืออยากมีเพื่อน อยากตามเพื่อน อยากอยู่กับเพื่อน
นี่คือสิ่งที่แม่หนึ่งเห็น ว่าเหตุที่เราต้องพัฒนาลูกของเรา เพราะวันนึงคุณจะไม่สามรถเก็บเค้าไว้และควบคุมให้เป็นไปตามที่คุณเห็นสมควรได้
เด็กสามคนไปสมัครและสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ ตามกระบวนการของเด็กอื่นๆโดยไม่ได้อาศัยความพิเศษเป็นใบเบิกทาง ผลคือ เด้งทั้งสามคน แต่ต่างกันตรงที่ว่า เด็กสองคนเด้งเลยนะวัรสัมภาษณ์ คือพลกับวิทย์ พลดีหน่อยครูบอกให้ไปสมัครที่อีกสาขา คนสมัครน้อย คู่แข่งน้อย ที่นี่ สองเอาหนึ่ง วิทย์ครูบอกว่าไม่ได้และไม่แนะนำอะไร ส่วนหนึ่งให้รอฟังผลตามกระบวนการคืออีกสี่วันประกาศพร้อมกัน ในใจแม่ทราบผล ณ วันนั้นแล้ว เพราะตอนสัมภาษณ์หลังจากสัมภาษณ์เด็กจะให้ผู้ปกครองเข้าไปสัมภาษณ์ด้วย จากคำถามของคุณครู คือคุณแม่คิดว่าลูกจะฝึกงานไหวมั้ยคะ
ทำให้แม่รู้ว่าหนึ่งคงบอกตามความกลัวและความไม่มั่นใจของเค้าไปแล้วตามความจริงที่อยู่ในใจเค้า
ด้วยสัญชาตญาณและความหวังที่แม่อยากให้ลูกไหวเหมือนเด็กๆคนอื่น แม่ก็ตอบว่าไหวสิคะ อยู่บ้านหนึ่งก็ช่วยแม่ทำงานทุกอย่าง 555สิ่งที่เกิดคือ หนึ่งสะกิดแม่พูดว่าไหวเหรอ ไม่ไหวมั้ง
(ระหว่างลูกเข้าไปสัมภาษณ์กับครู แม่มองผ่านห้องกระจกใส ใจแม่จะขาดรอนๆ จนต้องเลิกดูแล้วไปนั่งสงบสติตัวเอง ลุ้นค่ะ ไม่ใช่ลุ้นให้ได้ แต่ลุ้นให้การพูดคุยผ่านไปได้ 5555)
นี่ขนาดได้รับคำแนะนำให้ทำงานบ้านจากคุณหมอก่อนหน้านี้แล้ว555 แม่ก็ตระหนักได้ว่างานเข้า
วันประกาศผลเป็นไปตามคาด ไม่ได้ แม่ขอคอมเม้นท์จากคุณครู ครูว่าโน้ทไว้ว่า เค้าไม่มั่นใจ
ที่แม่เล่าเรื่องการถูกปฏิเสธของพลกับวิทย์ แม่ไม่ได้อยากชี้เรื่องอื่น เพียงแต่รู้สึกถึงความผิดหวังของเด็กๆในวันสัมภาษณ์ การที่แม่ไม่เข้าใจฟลอไทม์จึงช่วยลูกกไม่ได้มาก วิทย์หน้าแดงหูแดง หน้าตาเสียใจผิดหวัง แม่เค้าได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไรนะลูก หนูอ้วนเกินไปเค้าเลยไม่รับ ก็หนูไปตอบเค้าว่าไม่รู้ทำไมถึงอยากมาเรียนที่นี่ด้วย (อันนี้เป็นข้อเขียนที่วิทย์เล่าให้ฟัง) แม่หนึ่งก็ได้ทำงานอารมณ์กะวิทย์ไป แม่หนึ่งรู้สึกขอบคุณที่มีฟลอไทม์ ถ้าไม่ได้ใช้กับหนึ่ง ลูกคงโดนปฏิเสธตั้งแต่วันสัมภาษณ์เหมือนกัน และแม่คงไม่สามารถเข้าถึงความเจ็บปวดต่างๆได้เหมือนเรื่องของวิทย์
จากนั้นพลกับหนึ่งก็ไปสมัครอีกที่หนึ่ง และก็ได้เรียนสมใจพล กับแม่หนึ่ง หนึ่งก็ตามๆพลไป โดยมีแม่ชวนคิด ชวนลอง เรื่องการไปสมัครอีกที่ตามพล
ตอนนี้เค้าเรียนกันมาเดือนกว่าแล้วค่ะ แม่ก็ขึ้นๆลงๆตามสภาวะ ตามสถานการณ์
โดยภาพรวมมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นหลายอย่าง
- หนึ่งสามารถกลับบ้านเองด้วยรถสาธารณะ
อันนี้ต้องขอบคุณพลที่เค้ามีส่วนช่วยอย่างมากโดยไม่รู้ตัว เริ่มจาก แม่ไปส่งสาย เด็กๆเข้าแถวกันแล้ว แม่พลเล่าว่า พลที่ยืนในแถวได้ยินเพื่อนพูดว่าโตแล้ว ยังให้แม่มาส่งอีก แม่รับทราบด้วยใจที่หวาดหวั่นว่าเราจะเอาไงดี บ้านเราก็ไกลลูกก็ไม่เคยไปเอง
กลัวเพื่อนล้อลูก สติแตกไปต่างๆนาๆ จนได้กัลยาณมิตรเรียกสติมาว่าตีตนไปก่อนไข้ ถึงสงบลง
ตอนนี้พ่อส่งปากซอยลูกเดินเข้า รร เกือบร้อยเมตรเอง ตอนกลับแม่ไปรอรับพลและหนึ่งออกมา พลจะไปปรอแม่ที่ห้างแถวๆนั้นห่างไปสามสี่ป้ายรถเมล์ แม่เลยให้ขึ้นรถเมล์มากับพลแม่ไปรอที่ห้างบ้าง
และขยับไกลออกมาเป็นรอบ้านยายจนในที่สุด รอที่บ้านค่ะ

- ได้เพื่อนธรรมดาธรรมดาสองคน มาทานข้าวกลางวันและกลับบ้านพร้อมกับพลและหนึ่ง
เรื่องเพื่อนใหม่นี่แม่ก็จิตตกไปด้วยค่ะ คือวันนั้น พลกลับบ้านครึ่งวันเพราะท้องเสีย พอเย็นแม่โทรเช็ค
บอกนั่งเล่นหมากรุกกะเพื่อนที่ รร สติกระเจิง แต่ควบคุมให้ปกติ ว่าเล่นสักพักนะแม่อยากให้กลับเร็วเพราะเดี๋ยวรถติด บ้านเราไกลนะลูก สิ่งที่แม่คิดคือ ลูกอยู่กับใคร เค้าเป็นยังไง จะหลอก จะชักจูงไปไหนรึเปล่า
นั่งทำใจ จนลูกมาถึงบ้านก็ได้พูดคุยซักถาม อืม ก็ไม่มีอะไรนี่นา ก็สอบถามพูดคุยกันทุกวัน
จนวันนึง กางเกงลูกผิดระเบียบ กลับมาเล่าให้ฟังว่าโดนให้ใส่ถุงดำแทนกางเกง นร แม่ฟังแล้วใจหาย
เป็นไงบ้าง รู้สึกยังไง อาย แต่ไม่เท่าไร เพราะโดนหลายคน วันนั้นภู(เพื่อนใหม่ไม่ได้มา รร )
พอรุ่งขึ้นก็หยุด รร อ้าง ไม่สบาย และ กางเกงก็ผิดระเบียบ แม่ก็โอเค จะพาไปซื้อใหม่
ระหว่างนั้นครูโทรมาตาม เรื่องหยุด รร ปรากฎว่ามีพรีเซนส์งานกลุ่มด้วย พลก็หยุด เลยได้ทำการฟลอไทม์ให้กำลังใจกันชุดใหญ่ พบว่าเค้ากลัวและกังวลมาก เรื่องเรียน กลัวสอบไม่ได้ จดตามครูไม่ค่อยทัน กลัวฝึกงานจะทำไม่ได้
แม่ก็ทำเรื่องความกลัว ให้เค้าเห็นว่าเค้าอยู่ภาวะกลัวและวิตกกังวลอนาคต แม่ก็งูๆปลาๆไป จนน่าจะดีขึ้น555
ต่อมาเค้าก็ไป รร และมาพูดถึงวันนั้นอีกว่าเกือบลาออกเหมือนกัน
วันที่หยุด รร นี้เป็นวันที่ภูไป รด.
แม่ก็ชวนคิดว่า อ้าว ภูก็ยังไม่รู้สิว่าการใส่กางเกงผิดระเบียบจะเจออะไร
เค้าก็ เออ จริง
แม่. เอาไงล่ะ.
หนึ่ง. จะโทรไปบอกภู
แม่ก็. อืมนี่สองทุ่มแล้ว จะบอกตอนไหนล่ะ
หนึ่ง. เดี๋ยวโทร
แม่. เอ แล้วถ้า กางเกงเค้าผืดระเบียบเค้าจะทำไงล่ะ
หนึ่ง. ก็ซื้อใหม่ไง
แม่. ซื้อตอนไหนล่ะ ถ้า 4 ทุ่มร้านก็ปิด
หนึ่ง. ซื้อเช้าไง
แม่. โธ่ คุณไป รร กันแปดโมง ร้านที่ไหนเปิ่ะเนี่ย
หนึ่ง. งั้นไปโทรเลย
แม่ อยากชวนสมมุติ ไหนจะพูดไงล่ะ ทำเสียงโทรศัพท์ ทำเสียงภูรับโทรศัพท์
หนึ่ง ทำท่าว่ิงไปข้างบนเพื่อเอามือถือเค้าโทร หันมาบอกแม่ว่า เดี๋ยวพูดเองแหละแม่
แม่ก็ไม่ได้สมมุติแน่. เดี๋ยวดิ มาโทรข้างล่างเปิดลำโพงด้วยได้ปะ แม่อยากฟังว่าเสียงภูเป็นไงอะ
หนึ่งบอกได้
แม่ก็ได้ฟังเสียงภูสมใจ เค้าเปนเด็กเรียบๆและไม่รีบร้อน น่าจะเรียบร้อย
เพราะเคยคุยกะหนึ่ง ให้เทียบภูกะเพื่อนที่เคยเจอว่าคล้ายใคร แม่ก็พอเห็นภาพภูอยู่บ้างแล้ว แม่สบายใจขึ้น
แต่เห็นตัวเองตอนลูกคุยโทรศัพท์กะเพื่อน ยังรู้สึกไม่ได้ดังใจเท่าที่ควร ฝึกฝนกันต่อไป แม่คิด

- ลงรถระหว่างทางเพื่อเจอเพื่อนเก่า
จริงๆน่าจะไม่ดีแต่แม่เห็นข้อดีค่ะ ปกติแม่จะโทรเช็คกะเค้าสองรอบ คือ ออกจาก รร ขึ้นรถเมล์ไปต่อรถตู้
และตอนขึ้นรถตู้แล้ว พอใกล้ถึงหมุ่บ้านเค้าจะโทรให้แม่รับหน้าปากซอยค่ะอันนี้เค้านั่งมอเตอไชค์เข้ามาเองได้ แต่เพื่อความประหยัดแม่จะออกไปรับค่ะ
วันนั้น โทรไปตอนเลิกเรียน พอขึ้นรถตู้เค้าโทรมา แม่ตั้งข้อสังเกตว่าใช้เวลานานจัง คืนานกว่าปกติ
เค้าบอกรถติดนิดหน่อย แม่ไม่ได้ซักถามอะไรเพราะไม่อยากให้คุยโทรศัพท์นาน
พอแม่ไปรับปากซอยแม่ตั้งข้อสังเกตุอีกว่าวันนี้ลูกใช้เวลาเดินทางกลับสอง ชม เลยนะเนี่ย จริงๆน่าจะประมาณ ชม.ครึ่ง เค้าบอกรถติดนิดหน่อยและลงไปหา แม๊กด้วย แม่จำได้มั้ย
ปรากฏว่าเค้าคือเพื่อนสมัยประถมที่ รร ตอนประถม (มัธยมต้นมาอยู่อีก รร ต่างคนต่างแยกย้ายกัน)
แม่ก็. อ้าวไปไงมาไงล่ะ
หนึ่งก็เล่าประมาณคุยกับภู ภูเล่าเรื่องตอนมัธยมต้นถึงเพื่อนเก่าภูชื่อแม๊ก และพูดชื่อจริงด้วย
พอคุยไปคุยมาเปนเพื่อนคนเดียวกัน (โลกกลม) พอตอนเย็นกลับด้วยกัน ภูนัดแม๊ก มาเจอปากซอยบ้านภูซึ่งเปนทางผ่านของหนึ่ง หนึ่งเห็นแม๊กที่ป้ายรถเมล์เลยลงไปทักทายกัน คุยกัน (เฮ้อ)
แม่ก็ถามไถ่ถึงแม๊ก เพราะรู้จักด้วย แล้วก็ถามอรารมณ์ หนึ่งว่าก็ตื่นเต้นตอนเจอ พอคุยไปก็ตื่นเต้นน้อยลง
ประมาณนี้ค่ะ ตอนนี้เค้าก็มีคุยกันทางไลน์บ้างค่ะ

อัพเดทมาซะยาวเลย รบกวนคุณหมอและเพื่อนฟลอไทม์แนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
แม่หนึ่ง
 
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 30 พ.ย. 2011 9:52 am

Re: เรื่องของหนึ่ง

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » จันทร์ 08 ก.ค. 2013 12:57 pm

ทุกประสบการณ์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง คือโอกาสพัฒนาค่ะ

ยังดีที่เหตุเกิดวันนี้ วันที่หนึ่งมีแม่อยู่เคียงข้างค่ะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: เรื่องของหนึ่ง

โพสต์โดย krongkan » พฤหัสฯ. 11 ก.ค. 2013 3:36 pm

เป็นกำลังใจให้แม่หนึ่งค่ะ บนทางเดินที่แสนยาวไกล มีเพื่อนร่วมทางเสมอนะคะ
krongkan
 
โพสต์: 141
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 17 ต.ค. 2011 8:36 am

ย้อนกลับ

ย้อนกลับไปยัง ถาม-ตอบ