ขอคำแนะนำค่ะ

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » พฤหัสฯ. 05 ก.ย. 2013 12:18 pm

ที่สายป่านพูด เรื่อง จะเผาสนาม เป็นการพูดระดับจินตนาการ

ซึ่งเดาเอาว่าเค้าน่าจะไม่ต้องพยายามพูดอย่างอื่น

เพราะเหตุว่า ทุกครั้งที่เขาพูด น่าจะได้ผลบางอย่างกับคุณแม่ (ซึ่งเค้ารู้แน่ใจว่าคือต้นเรื่องที่ทำให้เขาต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ) นอกจากนี้การพูดแบบจินตนาการของเขา ก็จะตามด้วยการตัวเลือกที่คุณแม่มีให้ทุกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกกลาง ๆ เนื่องด้วย ลึก ๆ แล้วก็ไม่มีใครอยากได้ยินความรู้สึกจริง ๆ (ด้านลบ) ของเขา (กลัวคำตอบ)

แล้วเค้าก็จะเลือก "ตัวเลือก" ระดับความรู้สึกขั้นพื้นฐานที่ให้ไป คือ อยากหรือไม่อยาก

ด้วยพัฒนาการของเขา หมอคิดว่าเค้าพร้อมที่จะคิดถึงความรู้สึกให้ลึกซึ้งกว่านี้แล้วค่ะ

อย่าลืมนะคะ เค้าทั้งไวความรู้สึก ทั้งอ่านเกมส์เร็ว

คุณแม่ลองเปลี่ยนคำตอบบ้างสิคะ หรือแค่มองหน้าเค้าเฉยๆ

หรือลองเข้าจินตนาการไปก่อน และสอบถามความรู้สึกในการเล่นบทบาทสมมุติดูสิคะ

ตัวอย่างอยู่ในคู่มือ หน้า 144-145 นะคะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » พฤหัสฯ. 05 ก.ย. 2013 4:24 pm

เรื่องเข้าจินตนาการไปด้วยกัน ทำอยู่ค่ะ
คำตอบก็คือ ไม่อยากไปเรียนนั่นแหละ อยากนอนดูซีดี สบายดี ไม่เหนื่อย
เป็นเด็กน่ะไม่สบายเลย ต้องทำโน่นนี่ ผู้ใหญ่แค่ไปนั่งดูเฉยๆ
คือต้องตามไปคุยเรื่องเผาสนาม ฆ่าครูกันก่อน ข้อความข้างต้นถึงจะออกมา
หรือจะเป็นเพราะว่า บอกแม่ตรงๆ ว่าไม่อยากไป ก็ไม่เคยสำเร็จ ยังไง ฉันก็ต้องไป
เอาแบบนี้ดีกว่า แม่จะได้มาคุยกับฉันหน่อย ไหนๆฉันก็ต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำแล้ว
ก็ขอกวนอารมณ์แม่หน่อยดีกว่า เพราะพูดเรื่องทำลายของ กับทำร้ายคน
แล้วแม่คุยด้วยยาว เวลาบอกแม่ตรงๆว่าไม่อยากทำ แม่ก็ตอบแค่ว่าต้องทำ ต้องเรียน
งั้น ขอทำร้ายคน ทำร้ายสนาม หน่อยดีกว่า แถมได้เรียกร้องความสนใจแม่ด้วย
ประเด็นของแม่คือ บอกความรู้สึกกับแม่ตรงๆ เนี่ยมันเข้าใจได้ง่ายกว่า
แต่ทำไม ต้องพาแม่ไปเรื่องจินตนาการทุกที
เวลาบอกว่ารู้สึกแบบนี้ก็บอกกับแม่ตรงๆแบบนี้ได้ เขาก็จะเงียบ แล้วก็เริ่มกลวิธีในการเผาและทำร้ายคนต่อไป
ข้อดีของการคุย เดี๋ยวนี้มีหลายวิธีในการเผาและฆ่าแล้วค่ะ
มีอุปกรณ์มากมาย บางวันก็ไม่ถึงตายหรอกค่ะ แค่ขำๆ ตดใส่ให้สลบก็เอาแล้ว
แต่ไม่ออกจากจินตนาการง่ายๆ เหมือนเดิมค่ะ
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » พฤหัสฯ. 05 ก.ย. 2013 5:19 pm

คุยกันเรื่องพฤติกรรมการคุยได้เลย โดยเริ่มจากข้อสังเกตนั่นแหล่ะค่ะ.

ได้ ได้ เดี๋ยวคุยเรื่องเผา แต่อยากรู้ว่าทำไม..ถึงต้องพูดในเวลานี้

ไม่ใช่คุยเรื่องเผานะคะ แต่คุยเรื่องพฤติกรรมการพูดเรื่องเผา

คำตอบเป็นอะไรก็ได้ เป้าหมายอยู่ที่การรู้ตัวก่อนที่จะพูดค่ะ

และถ้ายังพูดบ่อย ๆ ก็เริ่มแก้ไขตามแนวทางใน DVD ใหม่ ได้เลยค่ะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » ศุกร์ 20 ก.ย. 2013 4:48 pm

วันนี้มาขอคำปรึกษาเรื่องการอยู่ร่วมกับเด็กอื่นค่ะ
วันนี้คุณน้าที่รับ-ส่ง ลูกพร้อมกับเด็กอื่นอีก 5-6 คนมาเล่าให้ฟังว่า
หัวโจกในรถ ชวนลูกแกล้งน้องอีกคนที่เด็กกว่า
คนของเราก็เอากับเขาด้วย เมื่อสอบถามกันก็ได้ความว่า กลัวพี่เขาจะไม่ให้เข้ากลุ่มด้วย
กลัวพี่เขาจะไม่เล่นด้วย ทั้งที่ผู้ใหญ่ก็รู้สึกว่า พี่เขาไม่ได้เล่นกับลูกเราดีๆ ก็แกล้งลูกเหมือนกัน
แต่ทำไมยังอยากเล่นกับเขาอีก
ใช้ให้หิ้วกระเป๋าให้ ลูกเราก็ยอมเขาอีก ทั้งที่ปกติของตัวเองยังไม่อยากจะทำ
ด้วยกลัวอย่างเดียว ว่าเดี๋ยวเขาจะไม่ยอมเล่นด้วย เดี๋ยวจะไม่มีพวก
แล้วก็อยู่ที่โรงเรียน ยอมแบ่งขนมให้เพื่อน จนตัวเองไม่มีขนมเหลือ
ต้องไปขอแบ่งจากเพื่อนที่ตัวเองให้ไปแล้วอีกที อันนี้ได้ความว่า เพื่อนเข้ามากันเร็ว
ตัวเองไม่รู้จะทำยังไง กันเอาไว้ของตัวเองแล้ว เพื่อนก็ยังเอาไปอีก (น่าจะเป็นพวกที่ทำอะไรเร็ว)
สองเรื่องข้างต้น ลูกก็ยังดูไม่ทุกข์ร้อน อะไร เล่าให้ฟัง ชิลล์ ชิลล์
แต่แม่ไปโน่นแล้ว เอ๊ะ ลูกเราไม่รู้จักเรื่องไม่ควรแกล้งคนอื่นหรือ :shock:
ทั้งที่เคยสะท้อนเหตุการณ์ให้เทียบเคียงกับตัวเองแล้วว่าถ้าเกิดกับตัวเองแล้วจะเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร
ก็ตอบอย่างหนึ่ง พอเจอเหตุการณ์จริง ลูกเราไปอีกอย่างหนึ่ง ก็เข้าใจว่าเป็นวิธีเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง
แล้วก็รู้สึกว่า ลูกเราเป็นพวกต้องพึ่งพิงคนอื่นเนอะ คือ ลูกกับแม่ตอนเด็กไม่เหมือนกันเลยในเรื่องเหล่านี้
แม่เป็นพวก stand alone ก็ได้ ไม่ดีกับฉัน ฉันไม่เห็นต้องแคร์ ต้องพึ่ง ไม่อยากเล่นกับฉัน ก็ไม่ต้องเล่น
แม่ก็เลยรู้สึก เข้าใจยากกับเหตุการณ์เหล่านี้ :cry:
กับลูกเรายังไม่รู้จักปกป้องสิทธิตัวเองเนอะ แบ่งปันน่ะก็ดี แต่ถ้าไม่เหลือของตัวเองเลย มันดูแปลกๆ
สรุปคือ แม่รู้ว่าตัวเองยังยอมรับลูกไม่เต็มร้อย ในทุกเรื่อง ยังมีเอ๊ะ อ๊ะ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ทำไมลูกไม่เป็นอย่างนั้น
แต่ก็กำลังพยายามอยู่ ที่จะไม่คุกคาม หรือยัดเยียดความคิด ว่าหนูต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้
ขอคำแนะนำสำหรับแม่หน่อยค่ะ ว่าจะไปอย่างไรดี ช่วยชี้ให้แม่เห็นว่าจากเหตุการณ์เหล่านี้
แม่จะใช้ประโยชน์ แทนที่จะมาหงอย ได้อย่างไร
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » ศุกร์ 20 ก.ย. 2013 6:21 pm

คำตอบเหมือนเรื่อง "ไปเล่นบาส" ค่ะ

ถ้าคิดว่าเหลือบ่ากว่าแรง ยอมรับวิธีการแก้ปัญหาของสายป่านไม่ได้แล้วจริง ๆ ก็สั่งไป จัดการไป

แต่ถ้าเห็นโอกาส สร้างสบการณ์การเรียนรู้ให้สายป่าน ก็ต้องทนค่ะ

แต่ถ้าอยากให้สายป่านรู้สึกเหมือนแม่ คิดเหมือนแม่ อันนี้ไม่มีวิธีค่ะ

ถึงมี ก็ไม่บอกค่ะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » เสาร์ 21 ก.ย. 2013 6:50 am

:D
แฮ่ ไม่บอกวิธีไม่เป็นไรค่ะ
เพราะวิธีเอาตัวรอดของเด็กมีหลายวิธี
ที่ทุกข์ไม่ใช่ทุกข์เพราะคิดไม่เหมือนกัน
แต่ทุกข์เพราะกลัวลูกจะต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งคนอื่นตลอดเวลามากกว่า
กับเข้ากลุ่มแบบไม่ยั้งคิดว่า กลุ่มทำผิดหรือถูก
;)
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » พฤหัสฯ. 26 ก.ย. 2013 9:28 am

ระวังไว้ก็ดีค่ะ เด็กที่มีความจำล้ำหน้าความเข้าใจ

ต้องให้แน่ใจว่า เขาต้องเข้าใจ และเลือกใช้ข้อมูลที่เขาจำได้ ในบริบทที่เหมาะสม

ตอนนี้ก็ได้พบปัญหานี้ในเด็กโตหลายคนที่ผ่านการสอน การอธิบาย มาเยอะ ๆ

เด็กบางคนใช้ script จากทฤษฏี DIR/ฟลอร์ไทม์เลยก็มีค่ะ :roll:

วิธีสีงเกตก็คือ "การกระทำกับคำพูดของเขาสวนทางกัน"

หรือไม่ก็ "คำพูดฟังดูดีเกินไป" ค่ะ


โดนค่ะ ขอโพสต์ไว้เตือนตัวเอง
เพราะลูก เป็นคนเล็กสุดคนเดียว มีคนรุมอธิบายเยอะะะะะะะะ มาก
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » อาทิตย์ 29 ก.ย. 2013 5:01 am

วันนี้กลับจากอบรมด้วยความรู้สึกขำๆ ตัวเองว่า
ปัญหาเรื่องความกลัว วิตกกังวล เนี่ย ตอนที่เรื่องราวยังไม่คลี่คลาย
แม่ก็กังวลเป็นหนักหนา แต่พอคลี่คลายไปแล้ว ก็ลืมไปเลยว่า เคยมี
อย่างเรื่องกลัวคนแปลกหน้า ที่เป็นญาติกัน ที่คุณหมอทัก ตอนแรกก็นึกไม่ออก
ว่า ฉันเคยมีปัญหาเรื่องนี้ด้วยหรือ เพราะทุกวันนี้ ลูกดิฉันไปเยี่ยมญาติ ก็เฮฮาปาร์ตี้มาก
พอนึกออก ก็เล่าดูสะเปะสะปะ ขอลองสรุปใหม่อีกครั้งนะคะ :D

ปัญหาเรื่องกลัวคนแปลกหน้า ถ้าเป็นคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือมีความสำคัญกับครอบครัวเรามาก
การรับมือคงไม่ยากเท่าไร จะสะท้อนอารมณ์ ค้นสาเหตุ กัน ณ ตรงนั้น ว่า ลูกกลัวอะไร ไม่ชอบอะไร
หรือลูกออกอาการอยากให้แม่ไปจัดการไล่ หรือลูกเราโวยวายอยากไล่ ถึงจะดูไม่สุภาพ ไม่น่ารักอย่างไร
เราก็คงมองพอจะมองข้าม และทำงานอารมณ์ได้ ด้วยส่วนหนึ่งก็คิดว่า เดี๋ยวเขาคนนั้นก็ผ่านไปแล้ว

แต่ถ้าเป็นคนที่เกี่ยวข้องกันเป็นครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่ ปัญหานี้จะดูใหญ่ขึ้นมามากทีเดียว
เพราะการที่เราจะสะท้อนอารมณ์ลูก ณ ขณะนั้น ว่า โอ๋ ไม่ชอบเลยเนอะ ที่คุณ......มาหอมหนูแรงๆแบบนี้
มาเล่นกับหนูแบบนี้ ทำเสียงแบบนี้ ไม่ชอบ ไม่อยากให้มาใกล้เลยเนอะ ก็อาจจะทำให้วงแตก เสียสัมพันธไมตรีอันดีได้
เมื่อต้องปลอบลูกต่อหน้าญาติ ก็เลี่ยงคำพูดที่อาจจะทำให้กระทบจิตใจกันเช่น คำว่า ไม่ชอบ
อาจจะเป็นว่า อ๋อ หนูตกใจหรือลูก ที่คุณ......เล่นกับหนู แบบนี้ เสียงอย่างนี้ หนูกลัวหรือลูก
คุณ...หอมแรงไปนิดใช่ม้า ตกใจเลย ซึ่งอาจมีเสียงสวนกลับมาว่า ไม่เห็นจะน่าตกใจเลยหรืออะไร ขอให้หนักแน่นเข้าไว้ ;)
แล้วค่อยให้คนข้างตัวเราไปค่อยๆ เคลียร์กับผู้ใหญ่นอกรอบ ให้ค่อยปรับทีท่าในการเข้าหาลูก
คนข้างตัวใช้ให้หมดน่ะค่ะ พ่อแม่พี่น้องเราเอง ถ้าเป็นญาติเรา ญาติข้างสามี คุณสามีก็ต้องช่วยทำงาน
ส่วนแม่ก็ต้องคุยกับลูก เพื่อหาระยะและความแรงที่ลูกจะยอมให้ญาติเข้าหา อาจต้องมีซ้อมกันว่าอย่างไหนพอไหว
แล้วที่สำคัญอีกอย่าง ในช่วงแรก อาจต้องมีคนคอยเชื่อมประสาน ให้ลูกเห็นว่า คุณ....ก็เล่นสนุกนะ
ถ้าเล่นไม่ไหว ก็มีเรื่องรู้ใจอย่างอื่น เช่น มีขนม ผลไม้ที่ชอบ ทำของเล่นรุ่นเก่าได้ อย่างม้าก้านกล้วย ฯลฯ
หาจุดเด่นอะไรก็ได้ ที่ทำให้ลูกเราอยากจะเข้าใกล้ เข้าใกล้แล้วสบายใจน่ะค่ะ ;)

ขอให้เราเอง อย่าตั้งธง กังวลว่า นั่นเป็นญาติเรานะ ลูกเราต้องไม่กลัว เพราะทีท่าเราจะกลายเป็นบังคับลูก
ถ้าสิ่งที่ลูกเรากลัว เป็นทีท่า หรือสิ่งที่ผู้ใหญ่ปรับเข้าหาเด็กได้ ก็ค่อยปรับกันไป
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้ เช่น รูปร่างหน้าตา ก็คงต้องหาอะไรที่มาดึงดูด ให้เด็กเราสามารถมองผ่านสิ่งนั้นได้
อาจจะเป็นเล่นสนุก เล่านิทานเก่ง มีขนมอร่อย บางครั้งก็คงต้องล่อหลอกกันบ้างน่ะค่ะ
ต้องใช้เวลาแน่นอนค่ะ แล้วก็อย่ายัดเยียด บังคับ วันนี้ได้แค่ นั่งห่างกันหน่อย แต่ไม่วิ่งหนี ก็ถือว่าสำเร็จ
ค่อยเพิ่มความคุ้นเคยกันทีละนิด ละหน่อย
ใจนิ่งๆ เมตตาและเห็นใจเด็ก และอยากปรับเข้าหาจากผู้ใหญ่ นั่นแหละค่ะ ตัวแก้ที่ดีที่สุด
อีกครั้งค่ะ นี่เป็นเรื่องจากประสบการณ์ อาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกและอาจจะใช้ไม่ได้กับท่านอื่นนะคะ
:D :D
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » พุธ 09 ต.ค. 2013 6:58 pm

คุณหมอคะ
วันนี้ไปพบครูหน่องมาค่ะ แม่หน้าแตก ชนิดครูหน่องคงไม่รับเย็บแน่เลย :D
ปัญหาคณิตศาสตร์ที่เคยคุยกับคุณหมอ
ปรากฎว่า กลายเป็นคนละคน
ไม่ต้องนับนิ้ว มองๆ กับนึกในใจหน่อย ก็ตอบครูหน่องได้เลย(เร็วอีกต่างหาก)
ทั้งที เมื่อกลางเดือนก่อนสอบปลายภาค ติวกัน ยังนับนิ้วไม่ค่อยจะครบอยู่เลย
แต่สิ่งดีๆของวันนี้ คือ ครูหน่องได้ชี้ให้เห็นเช่นเดียวกับที่คุณหมอชี้ไว้ก่อนหน้าคือ
ตัวแสบเป็นเด็กเรียนรู้ทางตา ไวตา ให้เห็นภาพ จะเข้าใจได้ง่าย
แล้วก็ได้เห็นว่า บางครั้งดอกไม้ของเรา นึกจะบานก็บาน ไม่มีปี่มีขลุ่ย ;)
กับอีกอย่างที่เขายอมรับกับครูหน่องคือ เขาไม่อยากเสียหน้า
ครูถามอะไร ก็เลยอยากจะตอบให้ถูก

เอ เพราะเขาเรียนรู้ทางตาหรือเปล่าค่ะ ถึงชอบอ่านหนังสือ(เอ หรือจะชอบดูภาพ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนังสือภาพ)
ดูโทรทัศน์ เล่นเกม ไม่ได้หมายความว่าจะให้สองสิ่งหลังเพิ่ม
เพียงแต่ถ้าใช่ อาการเอ๊ะ อ๊ะ ทำไมล่ะ ของแม่อาจจะลดลง
เพราะว่า อ๋อ มันเป็นช่องทางการรับรู้ของเรา มันสนองเขา อะไรทำนองนี้

ที่สงสัยอีกอย่างคือ เมื่อไวตา ช่องทางทางหูน่าจะดีไม่เท่า แล้วทำไมชอบให้แม่อ่านหนังสือให้ฟัง
ฟังแล้วถามความจำก็ตอบได้ ไม่น่าใช่ฟังผ่าน แต่ถามแบบต้องคิด ก็มีมั่วบ้าง

เอ่อม แล้วลูกไวตา กับแม่ปากไว พูด สอน บ่น ไว้ก่อน จะไปกันได้ราบรื่นไหมคะเนี่ย :shock:
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » พุธ 09 ต.ค. 2013 7:37 pm

ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะค่ะ มากกว่านี้จะกลายเป็นระแวง และจ้องจับผิดเค้า

เอาเป็นว่าแต่ละคนแตกต่างกัน ช่องทางหลักในการเรียนรู้ของคุณแม่กับสายป่านเป็นคนละช่อง

เลี้ยงดูเค้าต่อไปอย่างปราณีตกว่าพ่อแม่ทั่วไปนิดหน่อยก็พอค่ะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ถาม-ตอบ



cron