ขอคำแนะนำค่ะ

ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » พฤหัสฯ. 16 ส.ค. 2012 9:49 am

รบกวนขอคำปรึกษาทั้งเทคนิคและหลักการค่ะ
ในเรื่องของการใช้จินตนาการคลี่คลายอารมณ์
ลูกบ่นอยากทำร้ายครูพบให้ตายเลย มาเป็นเดือนแล้ว
ก่อนหน้าก็มุขเดิมๆ ยิง ระเบิด ให้เละไปเลย
ล่าสุด จะชวนครูพบชนช้าง แล้วใช้ง้าวฟันขาดสะพายแล่ง (คงจะอินมาจาก CD เรื่องพระนเรศวร)
เขาถามว่า เขาอยากทำร้ายครูพบเขาจะทำได้ไหม
แม่ก็ลองตอบมาแล้วหลายแบบ เช่น ถ้าครูตาย แล้วตำรวจมาจะทำอย่างไร
หรือ ตามน้ำ ใส่แอคชั่น เอฟเฟค ช่วยกันเพื่อให้แน่ใจว่าครูตายแน่ๆ แล้วจะทำอย่างไรต่อ
หรือ แล้วเราจะหาอาวุธ และช้างจากไหนกันดี
หรือ ถ้าครูพบไม่ยอมชนช้างด้วยแล้วจะเอาอย่างไรกันดี
หรือ ที่หนูอยากทำร้ายครูให้ตายเนี่ยเพราะรู้สึกอย่างไร
หรือ เออ ถ้าเราไม่ต้องทำร้ายถึงตาย แต่ทำร้ายแบบขำๆ จะได้ไหม
ก็ยอมจัดมุขให้เช่น ตดใส่ครูให้สลบไปเลย เอาซีเมนต์มาราดให้ครูแข็งไปเลย จะได้แกล้งไม่ได้
แต่เหมือนมันไม่ถึงใจ เท่าครูต้องตาย
หรือ ที่หนูจะทำร้ายครูเนี่ย เรื่องจริงหรือสมมติ ก็ได้คำตอบว่าจะทำจริง
หรือ อาวุธที่คุยกันว่าจะสร้างเอง เนี่ย พอถามต่อว่าหนูจะทำจริงหรือสมมติ
เขาก็ตอบว่าทำจริงในอนาคต เมื่อเขาโตขึ้นเขาจะสร้าง แต่ตอนนี้ยังไม่มี
แม่ก็ว่า งั้นก็ยังเป็นเรื่องสมมติเนอะ เพราะมันไม่จริง เขาก็ย้ำว่า เรื่องจริงแต่ในอนาคต
ทั้งหมดเนี่ยที่กังวลก็คือว่า เรื่องนี้เหมือนเป็นประเด็นใหญ่สำหรับหนู ที่หนูต้องชวนแม่คุยทุกวัน
ระหว่างนั่งรถกับแม่ หรือไม่ก็ตอนเช้าระหว่างแต่งตัว
จะว่าหนูไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยกับแม่ หนูก็มีเรื่องโรงเรียน เรื่องโน้น นี้มาเล่าทุกวัน
แต่จะยังไงก็ตาม ก็ต้องวกมาหาเรื่องฮอต ฮิต ทุกวัน ครูพบต้องตายอย่างน้อย 1 ครั้ง
บางทีเพิ่งครูเพิ่งจะตายไปเมื่อกี้ ตกร่องมาอีกแล้วจะฆ่าครูได้ไหม ภายในครึ่งชั่วโมงคุยเรื่องนี้ 2 รอบก็มี
แม่เลยเริ่มชักไม่มั่นใจ ว่าที่ทำมายังขาดอะไรอีกบ้างค่ะ
เพราะยังอาจจะยึดผลลัพธ์อยู่ว่า ถ้าทำถูก คลี่คลายลูกได้ ความถี่ต้องลดลง เลยกังวล
แต่ระหว่างที่ประเด็นนี้ยังฮอตอยู่ ก็อาศัยเป็นประเด็นชวนคุยหาวิธีจัดการครูพบไปเรื่อย ๆ
แต่เรื่องทำงานอารมณ์ ในประเด็นนี้แม่สอบตกค่ะ เพราะคำตอบคือยังไงก็ไม่หายโกรธครู ต้องฆ่าครูอย่างเดียว
ขอคำแนะนำค่ะ
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » พฤหัสฯ. 16 ส.ค. 2012 7:04 pm

เปลี่ยนเป็นเรื่องจะพูดเรื่องจะฆ่าครูพบกันอีกกี่วันดี

คุยกันที่ไหนดี คุยกับใครดี

ถ้าคุยกับคนนั้นคนนี้จะเป็นอย่างไร....

ดิฉันคิดว่า ควรมีกรอบให้สายป่านระดับหนึ่ง เข้าใจว่าอยากพูด อยากทำ

พูดได้ แต่ทำไม่ได้...

พูดได้ พูดได้ตรงไหนบ้าง

ถ้าพูดที่ตรงนั้นไม่ได้ แล้วทนไม่ไหว จะทำอย่างไร

หลักการ ก็คือ แม่เป็นเพื่อนรับฟัง แต่แม่ก็เป็นแม่ ต้องช่วยลูกควบคุมตัวเอง ต้องกำหนดกรอบ

และทำโทษ หากหลุดจากกรอบ

ท่าทีที่ใช้ คือนุ่มนวล แต่หนักแน่นน่ะค่ะ

ดิฉันว่าที่ขาด คือ คือ สาเหตุลึก ๆ ที่เขาโกรธ หรือกลัวค่ะ ยังเคลียร์ไม่ได้

และท่าทีของแม่ ดิฉันไม่ค่อยแน่ใจค่ะว่านิ่งและหนักแน่น พอไหม
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » พฤหัสฯ. 16 ส.ค. 2012 9:57 pm

สาเหตุลึกๆ น่าจะเป็น “แค้น” คุณครูพบ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
น่าจะเกือบ 2 ปีได้แล้ว ตอนนั้นน่าจะประมาณ 4 ขวบ
ตื้อ ยื้อ กันเรื่องโทรศัพท์ของคุณพ่อ คุณครูซ่อนแล้วเขาหาไม่เจอ
เขาคิดว่าโทรศัพท์หายจริงๆ ที่ใช้คำว่า “แค้น” เพราะคิดว่าระดับมากกว่าโกรธ
ฝังใจกว่าโกรธ เลยทำให้ต้องพูดถึงตลอด
แล้วที่เคยถามความรู้สึก จนถึงตอนนี้ คำตอบที่ได้ยังคงเหมือนเดิมคือ
โกรธที่คุณครูเอาโทรศัพท์พ่อไป ตอนนั้นเขากลัวว่าโทรศัพท์พ่อจะหายจริง
เวลาถึงเวลานัดคุณครู เขาก็ไปอย่างมุ่งมั่นว่าวันนี้จะต้องจัดการคุณครูให้ได้
“กลัว” ตอนนี้น่าจะน้อย เพราะกล้าเล่นกับครูมากขึ้น แต่ไม่เคยชนะครูสักที
ครั้งหลังสุดที่เจอกัน ได้เห็นความพยายามจะเอาชนะอุปสรรคที่คุณครูใส่ให้ ไม่หนีง่ายๆ
“กรอบ” ปัจจุบันนี้ใส่อยู่ค่ะ ว่าถ้าอยากคุยเรื่องทำร้ายคนอื่นให้คุยกับแม่
ไม่ให้พูดว่าจะทำร้ายใครต่อหน้าคนอื่น เขามีถามว่าทำไมล่ะ
ส่วนใหญ่แม่มักจะตัดบทว่า เรื่องนี้เราไม่พูดต่อหน้าคนอื่น
เรื่องพูดได้ แต่ทำไม่ได้ ยังไม่ยอมรับ พอย้ำว่าพูดได้ ทำในเรื่องสมมติได้ลูก แต่ทำจริงไม่ได้
เขาก็จะสวนกลับมาเลยว่า ทำจริงๆได้ พอย้อนกลับว่าแล้วถ้าทำจริงป่านคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นจริงๆล่ะ
ก็เหมือนหลุดเข้าเรื่องสมมติไปเลย เขามีพลังอย่างโน้นอย่างนี้ ตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้
แต่ก็มีบางครั้ง (น้อยครั้ง) ที่เขาหัวเราะแล้วบอกว่า ก็ไม่ได้ทำจริงสักหน่อย
แม่เองก็งง งง จับไม่ถูกว่า ลูกติดในเรื่องสมมติ หรือรู้ไหมว่าอะไรทำได้จริง ทำไม่ได้จริง
ท่าทีหนักแน่น คือในเรื่องกรอบใช่ไหมคะ
การที่เขาระบายออกกับแม่ ถ้าในขอบเขตที่กำหนด คือคุยกับแม่หรือกับยายนะ
ก็เล่นๆ ไปกับเขา ได้ใช่ไหมคะ
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย not510tp » ศุกร์ 17 ส.ค. 2012 1:53 am

สถานการณ์แบบนี้ น้องภูก็เคยมีเหมือนกันครับ

ผมอ่านที่อาจารย์กิ่งแก้วแนะนำ ผมก็คิดว่าน่าจะครอบคลุมวิธีรับมือกับสถานการณ์นี้แล้วนะครับ

เพียงแต่การลงมือจริง คำว่า (ควรมีกรอบระดับหนึ่ง) นั้น มันขนาดไหน จะใช้คำพูดท่าทางขนาดไหน และจังหวะไหนที่ควรจะแสดงท่าทีว่าจะเกินกรอบแล้ว

ผมคิดว่า การที่เราทำตัวเป็นพวกเดียวกับลูก ระเบิดเลยมั้ย จัดการเลยมั้ย หรืออะไรก็แล้วแต่ นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เพราะจะช่วยให้ลูก สนใจเรา ยอมรับเรา ให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมกับความรู้สึกนึกคิดของเค้า

แต่การเข้าไปมีส่วนร่วมในสถานการณ์แตะละสถานการณ์ของลูก ผมคิดว่าควรจะมีการปิดปมในทางที่ดีทุกๆสถานการณ์ที่ได้พูดคุยกัน

(ปิดปมที่ดีในที่นี้ ผมหมายถึงว่า คล้อยตาม ร่วมเป็นพวกกับเค้า ร่วมกันคิดหาวิธีจัดการครูพบ ใช้บทบาทสมมุติให้เค้าได้คิดเปรียบเทียบ หากแม่โดนเด็กคนอื่นกระทำแบบที่ลูกจะทำกับครูพบ
ลูกจะรู้สึกยังไง แล้วลูกหรือพ่อแม่ของครูพบจะรู้สึกยังไง แล้วทำแค่นี้พอมั้ย หรือแค่แบบนั้นแบบนี้พอมั้ย ปิดท้ายด้วย แค่นี้ครูพบก็หายซ่าแล้ว ^^)

คือผมคิดว่าบางครั้ง ถ้าเราพูดคุยเรื่องใดเรื่องนึงนานจนเกินไป และเหมือนไปสร้างจินตนาการให้เค้าอย่างไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตรงไหน เค้าก็อาจจะเก็บไปคิดในวันต่อๆไปเรื่อยๆ

จนชวนคุยแต่เรื่องจะฆ่าครูพบ น้องภูก็เคยเป็นครับ ผมคิดว่าถ้าการใช้บทบาทสมมุติในสถานการณ์แตะละสถานการณ์นั้น เมื่อเริ่มต้นแล้ว ก็ควรที่จบด้วยการปิดปมที่ดี

ถ้าจบลงแบบว่า โอเค ก็ได้ กินข้าวก่อน ค่อยมาหาวืธีจัดการกับครูพบอีก (อันนี้จะหมายถึงว่า ที่คุยๆกันมา มีแต่คล้อยตามอย่างเดียว)

ถ้าจบลงแบบว่า แค่นี้ก็พอ แค่นี้ก็ได้ พอใจแระ แปลว่าบทบาทสมมุติทำงานได้ครบสมมบูรณ์ในสถานการณ์นั้นๆ

และถ้าเราจัดการกับสถานการณ์ต่างๆได้แบบนี้แล้ว ต่อไป เราก็ไม่กลัว ว่าเค้าพูดว่าจะทำร้ายใครต่อหน้าคนอื่น เพราะบาบาทสมมุติของเรา จะช่วยจัดการ ณ ที่ตรงนั้นได้เลย


จะตีสองแล้ว ผมพิมพ์แล้วก็อ่านที่ตัวเองพิมพ์ไปสองสามรอบ ไม่รู้ว่าคนอื่นอ่านแล้วจะงงหรือเปล่านะครับ แบบว่ายังเรียบเรียงไม่ค่อยถูกใจตัวผมเองเลย ^^'
not510tp
 
โพสต์: 116
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 11:18 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » ศุกร์ 17 ส.ค. 2012 6:44 am

ที่คุณน้อตแนะนำ เรื่อง "คุยเสร็จแล้ว กินข้าวกัน" นั้น มีส่วนช่วงกำหนดกรอบในลักษณะการแยกแยะจริงและจินตนาการอยู่ในตัวเอง

ซึ่งอาจจะเป็นแบบไหนก็ได้ เช่น เดี๋ยวแม่ไปล้างจานก่อน ไปช่วยกันมั๊ย แล้วมาคุยต่อ เพื่อให้แยกให้ออกว่า เมื่อกี๊ คุยกัน ชีวิตจริงจะไปล้างจาน หรือจะกินข้าว อย่างนี่เป็นต้น

บางที คุยนานแล้ว ยังปิดเรื่องไม่ลง ยังไม่ยอม ต้องไปทำอย่างอื่น ก็อาจจะจบ แค่วัน โอเค ยังติดใจอยู่ จะกลับมาคุยกันตอนไหนดี อันนี้ก็ถือว่าได้สรุปเหมือนกันค่ะ

กรอบที่คุณแม่ต้องยืนยันให้ชัด คือแม่เป็นแม่ แม่มีหน้าที่ช่วยลูก ควบคุมกำกับ ไม่ให้ลูกทำร้ายร่างกายคนอื่น ไม่เฉพาะฆ่าครูพบ ตีเพื่อนก็ไม่ได้ โมโหได้ แต่ตีไม่ได้ เตะแมว ยิงนก ไม่ได้ทั้งนั้น

และขอเน้นย้ำการแสดงท่าทีเป็นกรอบนั้น ต้องใช้ภาษากาย พร้อม ๆ กับคำพูด ถึงแม้ว่าสายป่านจะคุยเก่งแล้ว
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » จันทร์ 15 ต.ค. 2012 10:05 am

แวะมาปรับทุกข์เรื่อง การตกร่องความคาดหวังน่ะค่ะ
ในที่สุดก็ได้เรียนรู้ว่า ในการที่ลูกเฝ้าพูดเรื่องทำร้ายครูน่ะ
หากมองเฉพาะว่า ทำไมเราเปิดเวทีให้เขาได้พูดระบายกับเรา
แล้วทำไม เวลาก็ผ่านไปตั้งหลายเดือนแล้ว ลูกก็ยังดูเหมือนติดอยู่ในประเด็นนี้ตลอดเวลา
แล้วเราก็เริ่มกลับไปวงจรเดิม เริ่มตั้งคำถามว่า ฉันทำอะไรผิดขั้นตอน หรือหลงลืมหลักการอีกหรือเปล่า
ทำไมลูกไม่ผ่อนคลายหรือหาวิธีอื่นที่คลายจุดนี้ออกไปเสียที
กังวลว่า เรื่องคุณครูเป็นประเด็นใหญ่สำหรับลูกหรือ เราจะช่วยลูกอย่างไรดี
ถ้าเรามาถูกทาง ลูกน่าจะคลายกังวลลงสิ ทำไมเราถึงช่วยลูกไม่ได้สักที บลา บลา.......
จากเดือนแรกที่ไม่คาดหวัง ชวนลูกหาทางออกไปเรื่อย มาเป็นคุยกันไป เวลายิ่งเนิ่นนาน
แม่เริ่มจิตตก ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งแม่และลูก
แต่ ถ้าดูอีกมุมหนึ่ง ให้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการระดมความคิด
ได้เห็นการหาวิธีจัดการครูที่หลากหลายขึ้น เมื่อทักท้วงว่าจะเป็นไปได้หรือ
ก็ได้เห็นจินตนาการที่ดูสมเหตุผลขึ้น ไม่เป็นเรื่องลอยๆ กระโดดไปมา
เมื่อมองมุมนี้ ใจก็ดูสบายขึ้น การช่วยกันคุยก็ดูสบาย เขาก็ดูผ่อนคลายลง ในการคุย
ดูเหมือนจะหาวิธีการขำๆ ที่ลูกเสนอเอง หัวเราะเอง แล้วก็สบายใจขึ้น เมื่อจบกัน
ยังไม่ลืมที่คุณหมอเคยเตือน เรื่องขอบเขต ไม่ให้ทำร้ายจิตใจคนอื่น กำลังทำอยู่ค่ะ
แต่ดูจะไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไรแล้วค่ะ
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » จันทร์ 15 ต.ค. 2012 11:08 am

เมื่อเราแน่ใจว่าจัดสรรค์พื้นที่ปลอดภัยให้เขามากพอแล้ว กรอบชัดเจนแล้ว ก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพื้นที่นั้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ คุยกับเขาสนุกนะคะ ถ้าได้เพิ่ม action ประกอบอีกหน่อยก็ดีค่ะ

theme นี้จะหมดไป ก็ต่อเมื่อมันทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แล้ว คือชดเชยความรู้สึกว่าฉันสู้เขาในชีวิตจริงไม่ได้เลย ในผู้ใหญ่ก็มีนะคะ ทำใครจริงไม่ได้ ก็แช่งชักหักกระดูกกันไป

ดังนั้นการเล่นบทบาทนี้ ต้องควบคู่กับการเพิ่มความมั่นใจ และสมรรถภาพทางกายที่เพิ่มขึ้นค่ะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » จันทร์ 15 ต.ค. 2012 1:53 pm

คุณหมอคะ รบกวนอธิบายเพิ่ม
theme นี้จะหมดไป ก็ต่อเมื่อมันทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แล้ว คือชดเชยความรู้สึกว่าฉันสู้เขาในชีวิตจริงไม่ได้เลย
ยัง งง งง ค่ะ
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » จันทร์ 15 ต.ค. 2012 2:07 pm

เด็กตัวเล็ก ๆ ไม่ถึงกับปราดเปรียว เถียงกับใคร ก็เถียงไม่ค่อยทัน จะตะโกนสู้ ก็ยังทำไม่ค่อยได้

ได้ต่อสู้ในจินตนาการ ก็ยังดี ไม่ใช่หรือ

อย่าเพิ่งทุบทิ้ง ขอใช้งานทักษะนี้ชั่วคราว ระบายอารมณ์ค่ะ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: ขอคำแนะนำค่ะ

โพสต์โดย สายป่าน » พฤหัสฯ. 07 มี.ค. 2013 3:22 pm

เมื่อหัดมองเรื่องราวในมุม “ยังดีที่.......” แทนคำว่า ”ทำไม........”และพลิกหามุมที่ดีในบางเรื่องราวมามอง
ได้เห็นว่า เกมออกกำลังกาย X box ที่เห็นลูกเล่นแล้ว ปรี๊ด ทุกที
ว่าลูกเล่นเกมคอมพิวเตอร์อีกแล้ว
ถึงแม้ว่าเครื่องเล่นเกมประเภทนี้ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวร่างกายของลูก
ในการบังคับเกม เช่น เกมเทนนิส ลูกต้องขยับแขน ขา ตามทิศทางของบอลในเกม
ไม่ใช่เกมที่ลูกบังคับด้วยคีย์บอร์ดหรือเมาส์ ขยับแค่มือเท่านั้น
แม่ก็ยังคงเห็นว่ามันเป็นเกมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่ง
ไม่เห็นประโยชน์ที่ลูกได้ขยับร่างกาย
เห็นว่าลูกได้ขยับร่างกาย วิ่ง กระโดด ก็ยังเห็นว่า มันไม่ใช่การออกกำลังกายที่แท้จริง
แต่เมื่อวาน ได้เห็นว่า ในบางมุม เมื่อลูกรู้จักกีฬาผ่านเกม เขากลับพร้อมที่จะไปหัดเล่นกีฬาจริง
จากเดิม ชวนไปหา class กีฬา หรือหาอุปกรณ์กีฬามาเล่น ลูกวิ่งหนี
เมื่อวาน พาไปสนามเทนนิส ถามว่าอยากเรียนเทนนิสไหม ลูกพยักหน้าอยากเรียน
โดยลูกอธิบายให้แม่ฟังว่า เทนนิส เล่นกันอย่างไร แล้วก็สรุปให้ฟังว่า มันคล้ายกับปิงปองน่ะแม่
คงคิดว่าแม่ไม่รู้จัก เพราะเวลาเขาเล่นเกมกับพ่อ แม่รู้สึกไม่เห็นด้วยกับเกม จึงไม่ค่อยจะเล่นเกมกับเขา
เมื่อเดินไปสนาม ไปดูพี่ที่เขาเรียนเทนนิส ลูกขยับตัวลงสนาม ด้วยอาการอยากเรียน
คุณครูเลยให้หัดลองโยนบอลกระดอนพื้น เจ้าตัวรีบทำอย่างเต็มอกเต็มใจ
แม่เลยรีบชงว่า ถ้าเราเรียนเทนนิสกับครู จะทำให้เราเล่นเทนนิสเก่งขึ้น
เจ้าตัวก็รีบสรุปว่า เราจะได้ชนะพ่อกันใช่ไหมแม่ แม่เลยรีบรับลูก ว่า เราซ้อมบ่อยกว่า เราน่าจะชนะนะ
สุดท้าย คุณครูยังไม่ได้รับเข้าเรียน แต่ให้ลูกเทนนิส กลับมาให้หัดโยนรับลูกกระดอนพื้น
เพื่อให้ฝึก eye contact ไปพลางก่อน เพื่อที่เวลามาเรียนจะได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้ กำลังตั้งใจโยนบอล เพื่อที่จะได้ไปเรียนเทนนิสเร็วๆ
เลยเห็นว่า ถ้าลูกไม่ได้รู้จักเทนนิส ผ่านเกม ลูกก็อาจจะยังไม่ยอมเรียนก็ได้
และเมื่อเจ้าตัวอยากเรียน การโยนรับ บอล ที่เคยเลี่ยงมาตลอด
เขากลับยอมรับมันได้ และพยายามจะทำมันให้ได้

ได้ย้ำให้แม่เข้าใจตัวเขาอีกว่า การที่เขาปฏิเสธที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย
ไม่ใช่ว่า เขาจะไม่ทำตลอดไป
แต่ถ้าเขาได้ค่อยๆทำความรู้จัก เขาก็อาจจะเปิดใจยอมทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคยได้
ที่แม่กลัวนักหนา ว่าเขายอมแพ้ตลอด หากสิ่งไหนเขารู้สึกว่ายากแล้ว จะถอยไม่สู้
ก็ได้เห็นว่า ถ้าฉันสนใจมันมากพอ ฉันก็พยายามได้เหมือนกัน
ขอบคุณ คุณหมอกิ่งแก้ว ค่ะ ที่ให้ข้อคิดแม่ “ยังดีที่...........”ขอบคุณตัวแสบ ที่พลิกมุมใหม่ๆ ในตัว มาให้แม่ได้รู้จักหนูเพิ่มขึ้น
ขอบคุณ FT ที่ทำให้แม่เห็นเรื่องความต่างระหว่างบุคคล ในมุมมองที่ดีขึ้น
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง ถาม-ตอบ



cron